The Criminal Court Issued a Fine of over 88 Million Baht in an Illegal Overseas Fishing Vessel Case ศาลอาญาพิพากษาปรับเรือประมงนอกน่านน้ำผิดกฎหมายเป็นเงินมากกว่า ๘๘ ล้านบาท

The Criminal Court Issued a Fine of over 88 Million Baht in an Illegal Overseas Fishing Vessel Case ศาลอาญาพิพากษาปรับเรือประมงนอกน่านน้ำผิดกฎหมายเป็นเงินมากกว่า ๘๘ ล้านบาท

วันที่นำเข้าข้อมูล 5 มิ.ย. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 817 view

 

On 28 February 2018, the Criminal Court sentenced the owner of the fishing vessel “Ceribu” to pay a fine of over 88 million Baht (approximately 2.3 million Euros) on charges of taking a fishing vessel or a reefer to fish in the waters of a foreign state and the high seas without permission, and failing to bring the vessel back to port within the deadline set in the Department of Fisheries’ Notification. 

 
The fishing vessel “Ceribu” weighing 347 gross tons fished outside the Thai waters between 19 June 2015 to 16 February 2016, and did not comply with the Department of Fisheries’ Notification issued on 25 December 2015 ordering all owners of fishing vessels, weighing 30 gross tons and above and operating outside the Thai waters, to bring the vessels back to port within 30 days from the issuance date of the Notification. Thai authorities, as the result, prosecuted the owner of the vessel. 
 
Previously, the Criminal Court has issued sentences of hefty fines to four fishing vessels on charges of illegal overseas fishing totaling over 132 million Baht (approximately 3.5 million Euros).
 
 
ศาลอาญาพิพากษาปรับเรือประมงนอกน่านน ้าผิดกฎหมายเป็นเงินมากกว่า ๘๘ ล้านบาท 
 

เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษเจ้าของเรือประมงนอกน่านน้ำชื่อ “เซริบู” ในข้อหานำเรือประมงหรือเรือบรรทุกสินค้าประมงห้องเย็นออกไปทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำของรัฐต่างประเทศและทะเลหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่นำเรือประมงกลับเข้าเทียบท่าเรือประมงภายในเวลาที่กำหนดตามประกาศของกรมประมง โดยมีโทษปรับรวมมากกว่า ๘๘ ล้านบาท

เรือเซริบูเป็นเรือประมงพาณิชย์ที่มีขนาด ๓๔๗ ตันกรอส ซึ่งออกไปทำการประมงพาณิชย์ในทะเลนอกน่านน้ำไทย ระหว่างวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ – ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และไม่นำเรือประมงกลับเข้าเทียบท่าตามประกาศกรมประมงเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งกำหนดให้เจ้าของเรือประมงขนาดตั้งแต่ ๓๐ ตันกรอสขึ้นไป ที่ออกไปทำการประมงพาณิชย์ในทะเลนอกน่านน้ำไทยต้องนำเรือประมงกลับเข้าเทียบท่าภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ออกประกาศ ทางการไทยจึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าของเรือดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ ศาลได้ตัดสินปรับเรือประมงนอกน่านน้ำที่ทำประมงผิดกฎหมายมียอดปรับสูงสุดรวมแล้วกว่า ๑๓๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากเรือประมง ๔ ลำ