Thailand Tightens Control on Fishing Fleet Management ไทยเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการควบคุมกองเรือประมง

Thailand Tightens Control on Fishing Fleet Management ไทยเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการควบคุมกองเรือประมง

วันที่นำเข้าข้อมูล 11 มิ.ย. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 25 พ.ย. 2565

| 1,194 view

 

Thailand Tightens Control on Fishing Fleet Management
 
On 6 June 2018, General Chatchai Sarikulya, Deputy Prime Minister of the Kingdom of Thailand, visited Samut Sakhon Province together with the Chief of Naval Staff, the Director-General of the Marine Department, and the Director- General of the Department of Fisheries to follow up on the implementation of fishing fleet management by all relevant governmental agencies. The visit was part of the overall Thailand’s effort to combat IUU fishing.
 
The Deputy Prime Minister’s team examined the area around fishing ports and discovered 34 locked illegal vessels. The Deputy Prime Minister then assigned the Marine Department to issue notifications to the vessels owners to report to the authority within 7 days. After the deadline, the Marine Department has the right to auction off the said illegal vessels in accordance with the provision of the Navigation in the Thai Waters Act B.E. 2456. He also ordered all 22 coastal provinces to carry out similar inspection procedures in order to eliminate illegal fishing vessels.
 
In addition, for other fishing vessels declared as sunk or damaged beyond repair, the Royal Thai Government has set up a special operations team of police officers to collect more data on the ground. The team will contact the vessel owners and collect additional data and evidence to prove that those vessels were indeed sunk or damaged. This is to prevent this group of illegal vessels from returning to fishing activities.
 
The main objectives of the visit were to ensure that officials in all operational levels understand and possess the necessary knowledge of effective operational procedures; to promote awareness of how importance fleet control and management are in the fight against IUU fishing; and to promote cooperation among agencies concerned for effective control of any stateless, unregistered vessels or illegal vessels.
 
Moreover, the Royal Thai Government is considering issuing additional regulations to tighten control of the Thai fishing fleet including requirements for all shipyards to be registered, prior approval of the layout plan before commencing ship construction, and refusal to register fishing vessels that do not possess vessel identification number or IMO number. Furthermore, all fishing vessels that apply for a ship license will have to undergo thorough physical inspections. An evaluation committee for vessel registration will be set up and consist of representatives from the Marine Department, Department of Fisheries, Royal Thai Police and Royal Thai Navy, instead of solely from the Marine Department as was previously done. All general cargo vessels of 60 gross tonnages and over will be required to be fitted with AIS system to enable activities tracking at all time.
 
The Royal Thai Government has embarked on stringent control of the fishing fleet in order to limit the number of legal fishing vessels to the sustainable quantity of aquatic animals in the sea and to eradicate illegal vessels by all means. The Royal Thai Government also aims to prevent these vessels from returning to fish again which is the vital element of Thailand’s effort to tackle the IUU fishing effectively and sustainably.
* * * * *
7 June 2018
 
ไทยเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการควบคุมกองเรือประมง
 
เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับเสนาธิการทหารเรือ อธิบดีกรมเจ้าท่า และอธิบดีกรมประมง เพื่อติดตามการดำเนินงาน ตามมาตรการควบคุมกองเรือประมงของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแก้ไขปัญหา การทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) อย่างจริงจังของรัฐบาลไทย
 
คณะได้ลงพื้นที่ตรวจการณ์ตามท่าเรือและพบเรือประมงผิดกฎหมายที่ถูกตรึงพังงาจำนวน ๓๔ ลำ รองนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าออกประกาศเรียกให้เจ้าของเรือมาแสดงตัวภายใน ๗ วัน หากเจ้าของเรือไม่แสดงตัวภายในกำหนด กรมเจ้าท่าสามารถดำเนินการนำเรือไปขายทอดตลาดโดยอาศัยตามอำนาจพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ และให้ดำเนินการเช่นนี้ในทุกจังหวัดชายทะเลทั้ง ๒๒ จังหวัด เพื่อกำจัดเรือ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายให้หมดสิ้นไป
 
นอกจากนี้ ในส่วนของเรือประมงอื่น ๆ ที่ถูกแจ้งว่าจมหรือชำรุดจนใช้การไม่ได้แล้วนั้น รัฐบาลได้จัดให้มี ชุดปฏิบัติการพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ติดตามหาเจ้าของเรือ และรวบรวมข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ว่าเรือเหล่านั้นจมหรือชำรุดเสียหายจริง อันเป็นการป้องกันมิให้มีการลักลอบนำเรือผิดกฎหมายกลุ่มนี้ กลับเข้ามาทำการประมงได้อีก
 
การลงพื้นที่ดังกล่าวของรองนายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ทั้งส่วนกลางและส่วนจังหวัดมีความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตระหนักถึงความสำคัญของการควบคุมและบริหารจัดการกองเรือต่อภาพรวมของการแก้ไขปัญหาประมง IUU ทั้งระบบ และส่งเสริม ความร่วมมือและการประสานงานระหว่างทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถจัดการควบคุมเรือไร้สัญชาติเรือ ที่ไม่มีข้อมูลในระบบทะเบียนเรือ และเรือที่ปฏิบัติผิดกฎหมายได้อย่างทันท่วงที
 
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยกำลังพิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมกองเรือประมงให้มีความรัดกุมมากขึ้น อาทิ กำหนดให้อู่ต่อเรือต้องขึ้นทะเบียน ต้องมีการตรวจสอบแปลนเรือก่อนการต่อเรือ ไม่รับจดทะเบียนเรือประมง ที่ไม่มีการจัดทำอัตลักษณ์เรือหรือไม่มีหมายเลขขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) เรือประมงที่ต่อใบอนุญาตใช้เรือต้องเข้ารับการตรวจสภาพเรือทุกลำ และแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติการจดทะเบียนเรือ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมเจ้าท่า กรมประมง ตำรวจ และทหารเรือ จากที่แต่เดิม มีแต่กรมเจ้าท่าเพียงหน่วยงานเดียว นอกจากนี้ ยังกำหนดให้เรือขนถ่ายสินค้าขนาดตั้งแต่ ๖๐ ตันกรอสขึ้นไปทุกลำต้องติดตั้งระบบติดตามเรือ AIS เพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบการขนถ่ายสินค้าได้ตลอดเวลาด้วย
 
รัฐบาลไทยได้วางมาตรการควบคุมกองเรืออย่างเข้มงวด เพื่อให้มีจำนวนเรือที่ถูกกฎหมายสอดคล้องกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเล และขจัดเรือประมงผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้ เรือกลุ่มนี้กลับเข้ามาทำการประมงได้อีก อันเป็นส่วนสำคัญของการแก้ไขปัญหาการทำประมง IUU อย่างยั่งยืน
* * * * *
๘ มิถุนายน ๒๕๖๑

เอกสารประกอบ

news-20180611-141756-287525.pdf
news-20180611-141805-213356.pdf