วันที่นำเข้าข้อมูล 21 พ.ค. 2563
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565
สหภาพยุโรปสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันติดตามตัว (contact tracing apps) บนโทรศัพท์มือถือ
ที่สามารถใช้งานข้ามประเทศได้ เพื่อติดตามเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
ภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในภูมิภาคยุโรปเริ่มคลี่คลายลง ในขณะนี้ หลายประเทศในสหภาพยุโรปเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมกันบ้างแล้ว แต่ยังคงมาตรการเฝ้าระวังไว้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกลับมาระบาดรอบสอง ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสืบหาผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 (contact tracing apps) ถือว่าเป็นมาตรการสำคัญที่หลายประเทศในยุโรปต้องการนำมาใช้เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ควบคู่ไปกับการมาตรการตรวจโรคและวัดไข้เพื่อคัดกรองและแยกตัวผู้ป่วยไปทำการรักษา รวมถึงการสวมหน้ากากตามความเหมาะสมที่ยังต้องดำเนินการอยู่
หลักการของ contact tracing apps ในยุโรป คือ การใช้สัญญาณบลูทูท (Bluetooth) บนสมาร์ตโฟนในการตรวจหาผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิดในรัศมีใกล้ชิดประมาณ 1.5-2 เมตร ในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 15 นาที ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐ เพื่อช่วยในกระบวนการติดตามและแจ้งเตือนบุคคลที่ถูกตรวจพบว่าอาจได้เคยสัมผัสหรือมีความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อทำการแยกตัว หรือได้รับการตรวจคัดกรองโรคเพื่อความปลอดภัยต่อไป ซึ่งการใช้ contact tracing apps ผ่านสมาร์ตโฟนดังกล่าวนี้ จะทำควบคู่ไปกับวิธีการสืบสวนโรคและติดตามตัวผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิดแบบดั้งเดิม ซึ่งที่ผ่านมาต้องใช้เวลาและกำลังคนเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี การใช้ contact tracing apps สร้างประเด็นท้าทายเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิความเป็นส่วนตัว ตลอดจนเรื่องการตรวจตราสอดส่องโดยรัฐเกินความจำเป็น (surveillance) โดยเฉพาะการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพที่ถือว่าเป็นความลับของผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดของยุโรป และจะกระทำมิได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ป่วยก่อน ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการของประเทศสมาชิกเป็นไปในทิศทางเดียวกันและบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ใน exit strategy สหภาพยุโรปจึงได้ออกแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ contact tracing apps โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1. contact tracing apps ที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้โดยความสมัครใจ
แนวปฏิบัติของสหภาพยุโรปกำหนดให้การพัฒนา contact tracing apps ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิความเป็นส่วนตัวของสหภาพยุโรป เช่น ePrivacy และ General Data Protection Regulation (GDPR) ภายใต้ Guidance on Data Protection โดยต้องเป็นการใช้โดยความสมัครใจและต้องยกเลิกการใช้งานทันทีที่หมดความจำเป็นเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล ตลอดจนต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศนั้น ๆ นอกจากนี้ ยังเน้นให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของบุคคล โดยหลีกเลี่ยงการแสดงตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (location data) ของแต่ละคน และต้องไม่เปิดเผยชื่อหรือระบุตัวตนของบุคคลผู้ติดเชื้อ รวมถึงกำหนดให้มีการใช้เทคโนโลยีที่มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้สัญญาณบลูทูท และต้องปฏิบัติตามหลักการระบาดวิทยาและความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยแนวปฏิบัติดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ถึงแม้การใช้เทคโนโลยี contact tracing apps จะมีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม (โดยการสัมภาษณ์) แต่วิธีการดั้งเดิมยังจะถูกใช้ในกลุ่มผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงสมาร์ตโฟน เช่น ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เป็นต้น
2. contact tracing apps จะต้องใช้งานได้ทั่วยุโรป หรือหลักการ “Interoperability”
เพื่อที่ประชาชนจะได้มีเพียง app เดียวในมือถือ และสามารถใช้ app ดังกล่าวได้ทั่วยุโรป ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเดินทางไปที่ใดก็จะสามารถใช้ app เดิมในการแจ้งว่าตนเองติดเชื้อโควิด หรือรับการแจ้งเตือนว่าตนเองเคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อโควิดได้ โดยไม่ต้องดาวน์โหลด app ใหม่ทุกครั้งที่ข้ามพรมแดน ทั้งนี้ จะทำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขสามารถติดตามการติดเชื้อข้ามพรมแดนได้ด้วย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน โดยเฉพาะคนที่ต้องข้ามพรมแดนไป-มาเพื่อทำงาน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังสนับสนุนให้มีการขยายการเชื่อมโยง contact tracing apps ไปยังประเทศที่สามด้วย และทำให้ contact tracing apps ทั่วโลกสามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้ผู้คนสามารถกลับมามีเสรีภาพในการเดินทางได้อีกครั้ง
******************************
เรียบเรียงโดย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์
(credit รูปภาพปก: https://www.rtbf.be/info/belgique/detail_le-tracage-via-telephone-portable-a-du-plomb-dans-l-aile?id=10489619)
จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์)