สหภาพยุโรปออกมาตรการบริหารจัดการชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙

สหภาพยุโรปออกมาตรการบริหารจัดการชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙

วันที่นำเข้าข้อมูล 30 มี.ค. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 1,190 view

สหภาพยุโรปออกมาตรการบริหารจัดการชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙

เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙  ผ่านระบบวีดิทัศน์ และมีมติเห็นชอบแนวปฏิบัติว่าด้วยมาตรการบริการจัดการชายแดนเพื่อป้องกันสุขภาพและให้มั่นใจต่อการเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการที่จำเป็น (Guidelines for border management measures to protect health and ensure the availability of goods and essential services) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ พร้อมรักษาความเป็นตลาดเดียว (single market) เพื่อให้สินค้ายังคงหมุนเวียนใน EU โดยสาระสำคัญแนวปฏิบัติฯ ประกอบด้วย

          - ประเทศสมาชิกต้องอนุญาตให้คนชาติและผู้มีถิ่นพำนักเดินทางเข้าประเทศ รวมถึงอำนวยความสะดวกการเดินทางผ่านของคนชาติสมาชิกอื่น ๆ หรือผู้มีถิ่นพำนักในประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในการเดินทางกลับบ้าน

          - การขนส่งสินค้า/บริการ และห่วงโซ่การผลิต รวมถึงการเดินทางของบุคลากรในกระบวนการขนส่งสินค้า ทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน ต้องไม่ถูกขัดขวาง

          - ในการเดินทางจากประเทศที่สามเข้ามา EU (external borders) ทุกคนต้องผ่านด่านตรวจที่พรมแดน ซึ่งอาจรวมถึง        การตรวจเพื่อคัดกรองโรค โดยประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอาจปฏิเสธการเข้าเมืองของบุคคลสัญชาติที่สามที่ไม่มีถิ่นพำนักใน EU หากพบว่ามีอาการหรือมีความเสี่ยงว่าอาจติดเชื้อ ทั้งนี้ อาจมีมาตรการอื่น เช่น การกักตัว

          - การเดินทางระหว่างประเทศภายใน EU (internal borders) บางประเทศสมาชิกอาจตั้งด่านตรวจชั่วคราวเพื่อป้องกันการระบาดของโรค โดยต้องไม่เลือกปฏิบัติระหว่างคนชาติของตนและคนชาติ EU อื่น รวมถึงไม่ปฏิเสธการเดินทางผ่านของประชาชน EU และบุคคลสัญชาติที่สามที่มีถิ่นพำนักใน EU ในการเดินทางกลับบ้าน ประเทศสมาชิกต้องอนุญาตการเดินทางผ่านแดนของบุคคลที่จำเป็นต้องข้ามแดนไปทำงาน เช่น บุคลากรทางการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหาร และบริการที่จำเป็นอื่น ๆ เช่น สถานเลี้ยงเด็ก บ้านพักคนชรา

นอกจากนี้ ผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปยังเห็นชอบที่จะยกระดับการจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็น (non essential travel) จากประเทศที่สามมายังโซนสหภาพยุโรป (บวก) เป็นเวลา ๓๐ วัน[1] เนื่องจาก EU ถือเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดโควิด-๑๙ ทำให้ระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ อย่างไรก็ดี ได้มีข้อยกเว้นให้กับบุคคลดังต่อไปนี้ (๑) บุคคลสัญชาติสหภาพยุโรป (บวก) และบุคคลสัญชาติที่สามที่มีถิ่นพำนักในโซนสหภาพยุโรป (บวก) รวมทั้งสมาชิกครอบครัวให้สามารถเดินทางกลับบ้านได้ (๒) บุคคลที่จำเป็นต้องเดินทาง เช่น บุคลากรทางการแพทย์ บุคคลที่ต้องข้ามแดนไปทำงาน บุคลากรในกระบวนการขนส่งสินค้า นักการทูต ผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางผ่านเพื่อกลับบ้าน บุคคลที่จำเป็นต้องเดินทางด้วยเหตุผลครอบครัว และบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ควรมีการตรวจคัดกรองโรคอย่างเข้มข้นที่ด่านเข้าเมือง อย่างไรก็ดี การจำกัด        การเดินทางเข้าประเทศเป็นอำนาจของประเทศสมาชิกแต่ละประเทศ และสมาชิกแต่ละประเทศสามารถกำหนดระยะเวลา           การเริ่มใช้มาตรการด้วยตนเอง ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ยังไม่ได้มีแผนที่จะร่วมปฏิบัติมาตรการข้างต้นในชั้นนี้ 

อนึ่ง มีรายงานข่าวเรื่องโฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปแจ้งว่า กรณีคนชาติที่สาม (non EU) ที่ติดอยู่ในโซนเชงเก้นจนเกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตเนื่องด้วยมาตรการข้างต้น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะสามารถอนุโลมให้ได้บนพื้นฐานของเหตุสุดวิสัย (force majeure) ทั้งนี้ ต้องมีเอกสารครบถ้วน

*************************

 

กองสหภาพยุโรป

กรมยุโรป

มีนาคม ๒๕๖๓

 


[1] ประเทศโซนสหภาพยุโรป (บวก) ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิกเตนสไตน์ ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์  นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวาเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ บัลแกเรีย โครเอเชีย ไซปรัส โรมาเนีย และสามารถรวมถึงสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ หากทั้งสองประเทศตัดสินใจที่จะร่วมมาตรการนี้ด้วย