วันที่นำเข้าข้อมูล 10 ส.ค. 2565
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 19 ส.ค. 2565
“สหภาพยุโรปเสนอร่างกฎหมายฟื้นฟูธรรมชาติ มุ่งสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ”
สหภาพยุโรปเสนอร่างกฎหมายฟื้นฟูธรรมชาติ มุ่งสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2565 คมธ. ยุโรปได้เสนอแผนปฏิรูปกฎหมาย “EU Nature Protection Package” ต่อสภายุโรปและคณะมนตรียุโรป เพื่อกำหนดมาตรการด้านการปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ ตลอดจนการลดใช้ยาปราบศัตรูพืชให้ประเทศสมาชิกอียู-27 ประเทศร่วมกันปฏิบัติอย่างจริงจังให้สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ EU Biodiversity Strategy เพื่อหยุดยั้งอัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ค.ศ. 2030 รวมถึงผลักดันให้เกษตรกรเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากสารเคมีตกค้างและหลีกเลี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมีทั้งทางดิน ทางน้ำ และอากาศ
กำหนดเป้าหมายฟื้นฟูระบบนิเวศให้ได้ 20% และลดการใช้สารพิษในภาคเกษตร 50% ภายในปี ค.ศ. 2030
แผนปฏิรูปประกอบด้วยร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายกำหนดให้ประเทศสมาชิกอียูต้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติ (National Restoration Plan) ที่มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับบริบทการพัฒนาประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดย คมธ.ยุโรป จะติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของประเทศสมาชิกตามแผนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดสรรงบประมาณจากโครงการ Horizon Europe และนโยบายเกษตรร่วม (CAP reform) เพื่อช่วยเหลือด้านการปรับตัวของชาวนาและเกษตรกรของแต่ละประเทศต่อไป
ปฏิกิริยาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
แม้ว่ากลุ่ม Greens ในสภายุโรป ตลอดจนภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับข้อเสนอการปฏิรูปในครั้งนี้และย้ำความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรภายในอียู ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อแผนการดังกล่าว เนื่องจากมองว่ามาตรการลดการใช้สารเคมีที่เข้มงวดเกินไปจะทำให้ปริมาณการผลิตและคุณภาพไม่สม่ำเสมอ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร และยังเป็นการซ้ำเติมให้ภาระต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกษตรกรต้องแบกรับจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีกจนอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการในภูมิภาคตามมาได้
ด้านประเทศสมาชิกอียูบางประเทศย้ำว่าเป้าหมายในการลดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและสารเคมีเกษตร จะต้องมีความยืดหยุ่น เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมและการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังได้เรียกร้องให้ภาครัฐให้ความรู้และข้อมูลแก่เกษตรกร รวมถึงชาวประมงพื้นบ้านในเรื่องของแนวทางการปรับตัวจากการเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติด้านนิเวศเกษตร (น้ำ ป่าไม้ ที่ดิน) และการลดใช้สารเคมีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ในลำดับต่อไป รัฐสภายุโรปจะต้องหารือร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรป (ฝ่ายบริหาร) และคณะมนตรียุโรป (ประเทศสมาชิก) ซึ่งอาจมีการเพิ่มเติมข้อเสนอใหม่ๆ เข้ามาในร่างกฎหมายฯ อีก
ที่มา: https://thaieurope.net/2022/08/02/eu-nature-protection-package/
https://ec.europa.eu/commission/presscorner/detail/en/ip_22_3746
https://pro.politico.eu/news/151259
จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์)