การประชุมสุดยอดระหว่างสหภาพยุโรปกับตุรกีที่เมือง Varna ประเทศบัลแกเรีย

การประชุมสุดยอดระหว่างสหภาพยุโรปกับตุรกีที่เมือง Varna ประเทศบัลแกเรีย

วันที่นำเข้าข้อมูล 21 พ.ค. 2561

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 2,924 view
 

          เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2561 นาย Recep Tayyip Erdoǧan ปธน. ตุรกี ได้เข้าร่วม กปช. EU-Turkey Leaders’ Working Dinner ที่เมือง Varna ของบัลแกเรีย โดย ปธน. Erdoǧan ได้ใช้โอกาสนี้ เรียกร้องต่อ EU ในประเด็นต่างๆ ที่ตุรกีต้องการ ได้แก่ 1)  ให้ยุโรปตระหนักถึงความสำคัญของตุรกีที่มีต่อความมั่นคงของยุโรป โดยเฉพาะการต่อต้านการก่อการร้าย และความมั่งคงในซีเรีย 2) เร่งรัด EU ให้โอนเงินช่วยเหลือตุรกีสำหรับการดูแลผู้ลี้ภัยให้ครบตามที่ตกลงไว้ 3) เร่งรัด EU ให้ยกเว้นการตรวจลงตราให้กับพลเมืองตุรกี 4)  ให้ปรับปรุงข้อตกลงภายใต้ด้านสหภาพศุลกากรที่เอื้อประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย โดยไม่เชื่อมโยงกับการเมือง 5) เน้นย้ำหลักความเท่าเทียมของสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณเกาะไซปรัสตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และ 6) เรียกร้องให้สหภาพยุโรปเพิ่มพูนความร่วมมือกับตุรกีในประเด็นระหว่างประเทศต่าง ๆ อาทิ สถานการณ์ในซีเรีย อิรัก ปาเลสไตน์ เยรูซาเล็ม เยเมน และแอฟริกา

 

          ในขณะที่ นาย Donald Tusk ปธ. กมธ.ยุโรป ยังคงเห็นว่า การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่าง EU กับตุรกี ควรคำนึงถึงปัจจัยความสัมพันธ์ทวิภาคีประกอบด้วย โดยขณะนี้ EU ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในตุรกี โดยเฉพาะการจับกุมคุมขังผู้ที่เห็นต่าง/สื่อมวลชนทั้งที่เป็นชาวตุรกีและพลเมืองของประเทศสมาชิก EU  นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับท่าทีของตุรกีที่ขัดขวางการสำรวจแหล่งทรัพยากรในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไซปรัสในทะเลเอเจียน ซึ่ง EU มองว่าจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งไซปรัส EU และตุรกี  รวมทั้ง ยังได้แสดงความกังวลต่อบทบาทของตุรกีในซีเรีย โดยเฉพาะการใช้ปฏิบัติการทางทหาร Olive Branch ที่สุ่มเสี่ยงเป็นการละเมิดอธิปไตยของซีเรียด้วย อย่างไรก็ดี ในขณะเดียวกัน นาย Tusk ได้แสดงความชื่นชมตุรกีในความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยซีเรียที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในตุรกีกว่า 3 ล้านคน 

 

          ในทัศนะของนักวิเคราะห์ มองว่า การประชุมในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจนัก แต่ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า EU และตุรกียังคงเห็นถึงความสำคัญของกันและกัน และใช้นโยบาย Constructive Engagement ในการรักษาช่องทางการเจรจาและปฏิสัมพันธ์กันอย่างสร้างสรรค์ ทั้งนี้ การเลือกตั้งทั่วไปของตุรกีในปี 2562 อาจเป็นตัวแปรสำคัญในทิศทาง คสพ. ระหว่างสหภาพยุโรป-ตุรกี ซึ่งควรจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

          อนึ่ง ปัจจุบัน ตุรกีและสหภาพยุโรปยังคงต้องอาศัยพึ่งพากันในประเด็นสำคัญ คือ 1) ด้าน ศก. สหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุดของตุรกี ในขณะที่ตุรกีเป็นตลาดส่งออกอันดับ 5 ของสหภาพยุโรป (รองจากสหรัฐฯ จีน สวิตเซอร์แลนด์ และรัสเซีย) และเป็นจุดเชื่อมต่อและฐานการผลิตสำคัญของผู้ประกอบการจากยุโรป โดย 2 ใน 3 ของการลงทุนทางตรง (FDI) ในตุรกีมาจากยุโรป และ 2) ความมั่นคง ได้แก่ การต่อต้านขบวนการก่อการร้าย และการดูแล/สกัดกั้นผู้อพยพจากซีเรียมิให้เข้าสู่ยุโรป โดยเงินช่วยเหลือจาก EU ถือเป็นแหล่งงบประมาณสำคัญของตุรกีที่ใช้เพื่อการนี้