ฟินแลนด์กับการจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน

ฟินแลนด์กับการจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน

วันที่นำเข้าข้อมูล 30 ต.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 ต.ค. 2568

| 219 view

   

          ฟินแลนด์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ดินแดนแห่งพันทะเลสาบและผืนป่าอันกว้างใหญ่” เป็นหนึ่งในประเทศที่มีพื้นที่ป่าไม้มากที่สุดในยุโรป โดยมีพื้นที่ป่าปกคลุมถึงร้อยละ 74 ของประเทศหรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของพื้นที่ป่าในยุโรป ป่าของฟินแลนด์ไม่เพียงแต่เป็นปัจจัยหลักทางเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น (ในปี พ.ศ. 2567 อุตสาหกรรมป่าไม้มีมูลค่าการส่งออกประมาณร้อยละ 17 ของการส่งออกทั้งหมด) แต่ยังมีความสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพ การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนฟินแลนด์อีกด้วย

          ความโดดเด่นในการจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนของฟินแลนด์มีรากฐานสำคัญจากความผูกพันและเชื่อมโยงของผืนป่ากับวิถีชีวิตและขนบประเพณีของคนฟินแลนด์ ก่อให้เกิดความรู้สึก        รับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ผนวกกับนโยบายและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกที่มีแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรป่าไม้

          โครงสร้างของการจัดการทรัพยากรป่าไม้ของฟินแลนด์

          การบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ของฟินแลนด์อยู่ภายใต้ระบบกรรมสิทธิ์และการควบคุมของรัฐ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การปกป้องสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบ      ป่าไม้ของฟินแลนด์ ประมาณร้อยละ 60 เป็นของเอกชน และประมาณหนึ่งในสามของพื้นที่ป่าไม้ถูกกำกับดูแลโดยรัฐบาลผ่านองค์กรต่าง ๆ เช่น Metsähallitus (รัฐวิสาหกิจที่ดูแลพื้นที่ป่าไม้ของรัฐและบริเวณพื้นที่น้ำ) โดยมีกระทรวงเกษตรและป่าไม้แห่งฟินแลนด์เป็นผู้กำหนดแนวทาง นโยบาย และการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบและการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2578

          แนวปฏิบัติของการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน

          ฟินแลนด์ผสมผสานวิถีชีวิตและค่านิยมของการรักป่าที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษเข้ากับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ปัจจัยสำคัญของความยั่งยืนของผ่าไม้ฟินแลนด์ ประกอบด้วย

          -   การปลูกป่าทดแทนและการสร้างป่า กฎหมายของฟินแลนด์กำหนดให้มีการปลูกต้นไม้ใหม่ทดแทนทุกครั้งที่มีการตัดไม้ เพื่อให้ป่าของฟินแลนด์มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเทียบเท่าหรือมากกว่าปริมาณที่ตัดในแต่ละปี

          -   การใช้แนวปฏิบัติที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติในการทำป่าไม้ (Close-to-Nature Forestry) เช่น การปล่อยให้ต้นไม้ย่อยสลายตามธรรมชาติ การส่งเสริมไม้ใบกว้าง และการสงวนพื้นที่พุ่มไม้สำหรับที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหายาก

          -   ใช้การจัดการกับธรรมชาติ (Nature Management) เป็นส่วนหนึ่งของการทำป่าเชิงพาณิชย์ เช่น การสร้างแนวกันชนตามลำธารหรือแหล่งน้ำ และการปล่อยท่อนไม้ผุพังภายในป่าเพื่อรักษาสมดุลและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ

          -   ด้านกฎหมายและนโยบาย บัญญัติป่าไม้ของฟินแลนด์กำหนดเรื่องการปลูกป่าและการใช้ประโยชน์จากป่าหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีโครงการของภาครัฐเพื่อชักจูงใจการสงวนพื้นที่ป่าที่มีคุณค่า

          -   การมีสิทธิบัตรรับรองและมีแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ ป่าเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่ของฟินแลนด์ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล และมีแนวปฏิบัติที่ช่วยให้ผู้ประกอบกิจการด้านป่าไม้ปฏิบัติตามและตัดสินใจอย่างถูกต้องบนพื้นฐานของข้อมูลทางวิทยาสาสตร์และสอดคล้องกับคุณค่าทางสังคม

          -   การใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายจากป่า (Multi-functional Use) ฟินแลนด์มองว่าป่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ มิใช่เป็นเพียงแหล่งผลิตไม้เท่านั้นแต่ยังเป็นสถานที่รองรับกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์อีกด้วย เช่น การพักผ่อนหย่อนใจ การเก็บผลไม้ป่า การล่าสัตว์ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ไปจนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ

          -   การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลและผู้ประกอบอุตสาหกรรมป่าไม้มีความแข็งขันในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านนโยบายและแนวปฏิบัติที่ทันสมัยเพื่อรับมือกับความท้าทายของสภาพแวดล้อม เพื่อรักษาผืนป่าไว้ในระยะยาว

          -   การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการป่าไม้ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อการตรวจสอบความสมบูรณ์ของป่า ประเมินศักยภาพการเจริญเติบโต การวางแผนการเก็บเกี่ยว และการกำหนดนโยบายในการจัดการพื้นที่ป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นหลักประกันว่าแนวปฏิบัติด้านป่าไม้ของประเทศสอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในระดับนานาชาติ

          ปัจจุบันฟินแลนด์มีการจัดการป่าไม้ตามแนวทางของพันธสัญญาความยั่งยืนของอุตสาหกรรมป่าไม้ พ.ศ. 2568 (Forest Industry Sustainability Commitments 2025) ที่มุ่งเน้นความสมดุลระหว่างการใช้ป่าไม้และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับสิทธิบัตรป่าไม้พื้นฐานสากล 2 ฉบับ ได้แก่ PEFC (Programme for the Endorsement of Forest Certification) และ FSC (Forest Stewardship Council)

          นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่เอื้อต่อความยั่งยืนของป่าไม้ในฟินแลนด์ยังมาจากอัตราการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีน้อยเมื่อเทียบกับหลายประเทศในยุโรป และการตัดไม้ทำลายป่าในฟินแลนด์ส่วนใหญ่เกิดจากการเกษตรและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การทำอุตสาหกรรมป่าไม้จึงสามารถช่วยวางรากฐานให้ป่าไม้ยังคงเป็นป่าต่อไปและได้รับการจัดการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

          ยุทธศาสตร์ป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. 2578 (National Forest Strategy 2035)

          เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2566 รัฐบาลฟินแลนด์ได้มีมติรับรองยุทศาสตร์ป่าไม้แห่งชาติซึ่งมีระยะเวลาบังคับใช้ถึง ปี 2578 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางสิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยยึดหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนแบบองค์รวมด้วยการบูรณาการของทุกภาคส่วน มุ่งสร้างความเป็นอยู่ที่ดีทั้งจากป่าไม้และเพื่อป่าไม้ ด้วยหลักการพื้นฐาน ประกอบด้วย

          -   การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการป่าไม้ดำเนินกิจการอย่างมีความรับผิดชอบและปรับตัวได้ในสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

          -   การใช้ประโยชน์จากป่าอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

          -   การพัฒนาป่าไม้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่ดี

          -   การจัดการและการพัฒนาภาคป่าไม้ด้วยข้อมูลและความรู้ที่ทันสมัยและเชื่อถือได้

ยุทธศาสตร์ป่าไม้ฉบับนี้จึงเป็นการบูรณาการครอบคลุมตั้งแต่ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมป่าไม้ การผลิต
การแปรรูป การบริการ รวมไปถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับป่าไม้อีกด้วย และเป็นยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์และโครงการระดับนานาติหลายฉบับ เพื่อบรรลุพันธสัญญาในการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบ Agenda 2030 และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ควบคู่ไปกับการรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ การสร้างนวัตกรรมจากทรัพยากรหมุนเวียน และการอนุรักษ์ระบบนิเวศได้อย่างสมดุล

          ความท้าทายและการปรับตัวในอุตสาหกรรมป่าไม้ของฟินแลนด์

          แม้ฟินแลนด์จะเป็นประเทศต้นแบบการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน แต่ป่าไม้ของฟินแลนด์ก็ยังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและต้องการการปรับตัวและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เป็นปัจจัยคุกคามสำคัญต่อผลกระทบของความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมถึงความแตกแยกในเชิงนโยบายของรัฐบาลด้านความสมดุลระหว่างการใช้ป่าไม้เชิงเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2578

          จากการวิเคราะห์โดยศูนย์วิจัยทางเทคนิคแห่งฟินแลนด์ (Teknologian tutkimuskeskus, VTT) สถาบันทรัพยากรธรรมชาติฟินแลนด์ (Luonnonvarakeskus, Luke) และสถาบันสิ่งแวดล้อมฟินแลนด์ (Suomen Ympäristökeskus, Syke) ระบุถึงแนวโน้มของการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2578 อาจยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจัยท้าทายที่สำคัญ ได้แก่ อัตราการตัดไม้ที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการดักจับคาร์บอน ทำให้ป่ากลายเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนสุทธิแทนการเป็นพื้นที่ดูดซับคาร์บอน นโยบายด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศของรัฐบาลในปัจจุบันจึงอาจไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ และก่อให้เกิดแรงกดดันในการปรับปรุงแนวทางจัดการป่าไม้เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ โดยไม่กระทบต่อเศรษฐกิจหรือความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมป่าไม้ของประเทศ

 

              *******************************************

 

            โดย

             สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ